เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 52
ปัจจุบัน ผู้คนเริ่มหันมาชื่นชอบการ “ดื่มกาแฟ” กัน มากขึ้น ดังนั้นพื้นที่หลายแห่งในประเทศ ไทยจึงปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชดังกล่าว กระทั่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นพืชทำเงินให้กับเกษตรกรปีหนึ่งมูลค่านับล้านบาท ไปแล้วหลายแห่ง และ ที่บ้านดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นหนึ่งในจำนวนนี้ด้วยเช่นกัน
นายประสงค์ มั่นสลุง ผู้อำนวยการศูนย์บริการด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย (วาวี) เล่าให้ฟังว่า บ้านดอยช้างเป็นแหล่งที่อยู่ของชาวเขาเผ่าม้ง ลีซู ชาวบ้านถิ่นนี้แต่เดิมจะปลูกพืชเสพติด ทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งต่อมาได้เข้ามาส่งเสริมให้ปลูก มะคาเดเมีย บ๊วย พลัม ท้อ ลาลี่ เกาลัดจีน แต่ให้ผลผลิตช้าจึงมองหาพืชอื่น อย่าง “กาแฟ” ที่สามารถปลูกแซมในขณะรอเก็บเกี่ยว
จากการศึกษาความเป็นไปได้พบว่า ที่นี่จะมีสภาพ อุณหภูมิ อากาศ ช่วงแสง ปริมาณน้ำฝนในแต่ละรอบปีเหมาะแก่การปลูกพืชชนิดนี้มาก ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จึงเริ่มทำการวิจัยผลิตต้นกล้าพันธุ์ “อาราบีก้า” ที่ มีความ ต้านทานต่อโรคราสนิม ในขณะทำแปลงทดลองก็จ้างแรงงานจากชาวบ้าน เพื่อให้เขามีรายได้อีกทั้งเป็นการค่อยๆซึมซับ เรียนรู้ขั้นตอนตั้งแต่ปลูก แปรรูป กระทั่งส่งผลผลิตขายควบคู่ไป
จาก ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ แต่พอรู้จากกลุ่มที่เข้ามาทำงานว่า เป็นพืชให้ผลตอบแทนสูง หลายคนจึงเริ่มปรับเปลี่ยนพื้นที่หันมาปลูกกันมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีพื้นที่เฉลี่ย ไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่ แต่ละครัวเรือน มีรายได้ 40,000 บาท/ไร่/ปี
นายอาเขาะ เยเบาะ ชาวเขาเผ่าลีซู บอกว่า ตอนที่ทางหน่วยราชการเข้ามาอบรม แรกๆ ชาวบ้านก็ยังไม่มั่นใจว่าปลูกแล้วได้อะไร เก็บผลผลิตไปขายที่ไหน พอเข้าไปทำงานในแปลง ถึงรู้ว่ามันเป็นพืชที่ทำเงินสร้างรายได้ดี แล้วยังปลูกเสริมในแปลงมะคาเดเมีย ท้อ ได้ อย่างนี้จึงเข้าร่วมโครงการปลูก พร้อมกับแปรรูป
ในระหว่างขั้นตอนกะเทาะเมล็ดจะมี เปลือกเหลือมากมาย เมื่อก่อนชาวบ้านไม่ได้สนใจจึงเอา
ไปทิ้งในป่าตามพื้นดิน กระทั่งถึงฤดูหว่านเมล็ด ผักกาดถึงรู้ว่ามันช่วยทำให้ดินดี ต้นผักกาดงาม ตอนหลังเลยเอาเปลือกมาทำปุ๋ยหมัก โรยตามโคนต้น ช่วยทำให้ดินร่วนซุย คลุมหน้าดิน เก็บกักน้ำได้ดี ป้องกันแสงแดดไม่ให้ส่องถูกราก ย่อยสลายได้ง่าย ทำให้ไม่ต้องซื้อปุ๋ยมาใส่บำรุงต้นมากนัก
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกว่า เพื่อยกระดับการผลิตให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ จึงส่งเสริมให้ชาวบ้านเข้าร่วมโครงการผลิตพืช GAP อบรมการทำปุ๋ยหมักเปลือกกาแฟเป็นการลดต้นทุนขายผลิตผลได้ราคาที่ดีขึ้น และเพื่อ ปลุกกระแสการท่องเที่ยวเกษตร ให้กลับมาอีกครั้ง
ตามนโยบาย “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” จังหวัดเชียงราย ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ทำโครงการ 1 วัน เที่ยว 4 ดอย ซึ่งได้แก่ ดอยช้าง (วาวี) ที่จัดแหล่งความรู้เรื่องขบวนการผลิตกาแฟครบวงจร ชมแปลงว่านสี่ทิศที่จะออกดอกรอต้อนรับในช่วงปิดเทอม ดอยกาดผี ดอยแม่สลอง และ ดอยแม่มอน ที่เป็นแหล่งปลูกชาธรรมชาติมากที่สุด
และ ยังมีศูนย์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตรอีก 16 แห่ง อาทิ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) แม่จอนหลวง ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตภูเก็ต ฯลฯ ที่จัดเตรียมต้อนรับเด็กๆในช่วงปิดเทอมนี้
เอ้า ไหนๆจะเที่ยวทั้งทีต้องไปอย่างได้ความรู้ควบคู่กัน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-5612825, 053-605955, 053-60941-9 ต่อ 101 ในวันและเวลาราชการ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=122985